การจ่ายเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติงานยาเสพติด
ข้อ 2 ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ 3 กำหนดบทนิยามคำว่า "เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่" หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่เจ้าพนักงานผู้สืบสวนจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือตรวจยึดยาเสพติด รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนร่วมในการดำเนินการจนนำไปสู่การจับกุมหรือตรวจยึดยาเสพติด โดยเป็นข้าราชการตำรวจตำแหน่งผู้กำกับการหรือเทียบเท่าลงมา ข้าราชการทหารตำแหน่งรองผู้บังคับการกรมหรือเทียบเท่าลงมา ข้าราชการพลเรือนระดับชำนาญการพิเศษหรือเทียบเท่าลงมา ซึ่งได้ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมหรือตรวจยึดยาเสพติด และให้หมายความรวมถึง เจ้าพนักงานผู้สืบสวนจับกุมหรือพนักงานสอบสวน ที่สามารถสืบสวนสอบสวนขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาความผิดได้เพิ่มขึ้น <*เห็นว่า ผู้จับกุมที่ไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกจะไม่ได้รับ ส่วนพนักงานผู้สืบสวนจับกุมกับพนักงานสอบสวนจะได้รับก็ต่อเมื่อเป็นการขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มขึ้น>
ข้อ 4 เพิ่มบทนิยามคำว่า "การขยายผล" หมายความว่า การสืบสวน หรือสอบสวนขยายผลจากคดียาเสพติดที่มีหรือเคยมีของเจ้าหน้าที่จนกระทั่งล่วงรู้ถึงและนำไปสู่การจับกุมเจ้าของยาเสพติด ผู้ร่วมกระทำความผิด ผู้สั่งการ หรือนายทุนในคดียาเสพติดรายสำคัญ <*เห็นว่า การขยายผล เริ่มต้นจากคดียาเสพติดที่มีอยู่แล้ว พนักงานสอบสวนกับพนักงานสืบสวนได้รับคดีนี้มาทำจนจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มขึ้น>
"คดียาเสพติดรายสำคัญ" สรุปได้ว่า มีลักษณะการกระทำผิดอยู่ 6 ประเภท
ข้อ 5 ยกเลิกข้อ 16 แห่งระเบียบเดิม (กรณีกัญชา)
ข้อ 6 แก้ไขข้อ 18 แห่งระเบียบเดิม กำหนดเงินค่าตอบแทนเป็นร้อยละของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติด (ถูกแก้ไขโดยฉบับที่ 3 แล้ว)
ข้อ 7 แก้ไขวรรคสองของ (1) ของข้อ 19 แห่งระเบียบเดิมว่า "ทั้งนี้ ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ แก่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี โดยให้นับเป็นเจ้าพนักงานผู้สืบสวนจับกุมหนึ่งคน ไม่ว่าจะมีพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีกี่คนก็ตาม เมื่อสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มขึ้นจากคดีแรก" <*เห็นว่าเมื่อพนักงานสอบสวนกับเจ้าพนักงานผู้สืบสวนได้ดำเนินการขยายผลจนออกหมายจับแล้วจะต้องจับกุมผู้ต้องหาให้เพิ่มขึ้นด้วยจึงจะได้เงินค่าตอบแทน>
ข้อ 8 เพิ่มข้อ 19/1 กรณีมีการขยายผลและแบ่งเงินค่าตอบแทน (ถูกแก้ไขโดยฉบับที่ 3 แล้ว)
ข้อ 9 กรณีจำหน่ายยาเสพติดให้แก่เด็กหรือเยาวชนในหมู่บ้าน ชุมชน ให้จ่ายค่าตอบแทนเพิ่มอีกคดีหนึ่งไม่เกิน 5,000 บาท
ข้อ 10 - ข้อ 14 เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมในการขอรับเงินค่าตอบแทนในคดียาเสพติด
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2564 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
ข้อ 1 ชื่อระเบียบฯ
ข้อ 2 มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2564)
ข้อ 3 แก้ไขบทนิยาม "คดียาเสพติดรายสำคัญ" สรุปว่า ได้แก่ ฐานผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจะต้องมีพฤติการณ์ เป็นคดีที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอนุมัติให้จับกุมข้อหาสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและนำไปสู่การขยายผลริบทรัพย์สินตามที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งโดยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท หรือ เป็นคดีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ข้อ 4 แก้ไขข้อ 18 แห่งระเบียบเดิม สรุปได้ว่า ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนเป็นร้อยละของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติด เมื่อเจ้าพนักงานได้ดำเนินคดีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้
(1) คดีที่ยึดได้แต่ยาเสพติด จะจ่ายค่าตอบแทนต่อเมื่อศาลออกหมายจับ และเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยให้จ่ายเงินค่าตอบแทนร้อยละ 50
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง หากสามารถขยายผลได้ ให้จ่ายเงินค่าตอบแทน สรุปได้ดังนี้
(ก) ขยายผลไปจับกุมเจ้าของยาเสพติด หรือผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่น ๆ ให้จ่ายเงินอีกร้อยละ 25 เมื่อพนักงานอัยการสั่งฟ้อง
(ข) ขยายผลไปจับกุมเครือข่ายยาเสพติดเป็นคดียาเสพติดรายสำคัญคดีใหม่ ให้จ่ายเงินอีกร้อยละ 25 เมื่อพนักงานอัยการสั่งฟ้อง
(2) คดีที่ยึดยาเสพติดและจับกุมผู้ต้องหาได้ ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนร้อยละ 50 เมื่อพนักงานอัยการสั่งฟ้อง แต่ถ้าสั่งไม่ฟ้อง ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนร้อยละ 25
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง หากสามารถขยายผลได้ ให้จ่ายเงินค่าตอบแทน สรุปได้ดังนี้
(ก) ขยายผลไปจับกุมเจ้าของยาเสพติดหรือผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่น ๆ ให้จ่ายเงินอีกร้อยละ 25 เมื่อพนักงานอัยการสั่งฟ้อง
(ข) ขยายผลไปจับกุมเครือข่ายยาเสพติดเป็นคดียาเสพติดรายสำคัญคดีใหม่ ให้จ่ายเงินอีกร้อยละ 25 เมื่อพนักงานอัยการสั่งฟ้อง
ทั้งนี้ กรณีตาม (1) วรรคหนึ่งและวรรคสอง (ก) และ (ข) หรือ (2) วรรคหนึ่งและวรรคสอง (ก) และ (ข) เมื่อรวมกันแล้วให้จ่ายเงินค่าตอบแทนได้ไม่เกินร้อยละ 100
ข้อ 5 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 19/1 แห่งระเบียบเดิม ในกรณีที่มีการขยายผลตามข้อ 18 (1) วรรคสอง (ก) หรือ (ข) หรือ ข้อ 18 (2) วรรคสอง (ก) หรือ (ข) ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าพนักงานผู้สืบสวนจับกุมหรือพนักงานสอบสวนโดยแบ่งเท่า ๆ กันทุกคน <*เห็นว่า พนักงานสอบสวนหรือผู้สืบสวนจับกุมจะไม่ได้รับเงินตามข้อ 18 (1) วรรคหนึ่ง และข้อ 18 (2) วรรคหนึ่ง ถ้าหากไม่มีการขยายผลจนจับกุมได้ตามเงื่อนไขดังกล่าว แต่ถ้าเข้าเงื่อนไข เงินตอบแทนเฉพาะส่วนนี้ให้แบ่งเท่ากันทุกคน>
ข้อ 6 แก้ไขเพิ่มเติมวรรคหนึ่งของข้อ 29 แห่งระเบียบเดิม สรุปได้ว่า การยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนตามข้อ 18 ให้ยื่นภายในกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่พนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดี แต่หากเป็นกรณีศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดและเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดฯ ให้ยื่นภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดฯ และเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินฯ
ข้อ 7 คำขอรับเงินค่าตอบแทนที่ยื่นหรือดำเนินการไปแล้วก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้เป็นไปตามระเบียบเดิมก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
หมายเหตุ <*เห็นว่า ...................> คือ ส่วนที่เป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการของผู้เขียนบทความเอง