คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5068/2555
ป.อ. มาตรา 83, 84
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) , 66 วรรคสอง (เดิม)
จำเลยกับพวก ว่าจ้างให้ ธ. นำเมทแอมเฟตามีนไปส่งที่กรุงเทพฯ เห็นว่า การกระทำของจำเลยกับพวกที่มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองก่อนที่จำเลยกับพวกจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ธ. นั้นเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว โดยที่จำเลยกับพวกยังไม่ต้องส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ธ. จำเลยกับพวกจึงเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง มิใช่เป็นผู้ก่อให้ ธ. กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด
เนื่องจากความผิดฐานเป็นผู้ใช้ จะต้องยังไม่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ แต่เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ข้อแตกต่างดังกล่าวก็มิใช่เป็นข้อสาระสำคัญ เมื่อจำเลยเพียงแต่โต้เถียงว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีน จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง (ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ให้ศาลยกฟ้องคดีนั้น เว้นแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจะลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6196/2554
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225, 227/1
ป.อ. มาตรา 53, 78, 86
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม)
แม้คำเบิกความของ อ. ที่กล่าวถึงการกระทำของจำเลย จะเป็นพยานซัดทอดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227/1 หาได้ห้ามมิให้รับฟังพยานซัดทอดเลยเสียทีเดียวไม่ หากแต่ศาลพึงต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานดังกล่าวโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีหรือมีพยานหลักฐานอื่นประกอบมาสนับสนุน
จำเลยเป็นเพียงคนกลางติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่ อ. โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ในส่วนการกระทำของจำเลยไปแล้ว หลังจากนั้นเมทแอมเฟตามีนย่อมตกเป็นของ อ. เพียงลำพัง โดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของและร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วย จำเลยไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน หากแต่การที่จำเลยติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่ อ. ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ อ. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
คำพิพากษาฎีกาที่ 9929/2553
จำเลยไปหา ช. ที่บ้าน ว่าจ้างให้ขนแมทแอมเฟตามีนจากจังหวัดเชียงใหม่ มาส่งยังจังหวัดพังงา หลังจากนั้นจำเลยขับรถยนต์พา ช. เดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และพักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งจำเลยติดต่อซื้อแมทแอมเฟตามีนได้แล้ว จึงให้ ช. ขนไปจังหวัดพังงา และมอบเงินธนบัตร 500 บาท 3 ฉบับ เป็นค่าโดยสารและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนจำเลยขับรถยนต์กลับไปตามลำพัง
เมื่อ ช. เดินทางมาถึงจุดตรวจของ สภ.สบปราบ จว.ลำปาง เจ้าพนักงานตรวจเรียกให้รถโดยสารที่ ช. นั่งมาหยุดเพื่อตรวจค้น และค้นพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 17 ถุง ในกระเป๋าเดินทางของ ช. และยังพบธนบัตร 500 บาท 2 ฉบับ และกระดาษจดหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของจำเลยกับตั๋วโดยสารอยู่ด้วย อันเป็นการที่จำเลยว่าจ้าง ช. ให้ขนแมทแอมเฟตามีนไปยังที่นัดหมาย
การกระทำของจำเลยเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด จึงเป็นผู้ใช้ในการกระทำความผิด มิใช่ตัวการร่วมกับ ช. แต่ถือได้ว่าจำเลยให้การช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ช. ก่อนหรือขณะกระทำความผิด อันฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด เนื่องจากเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่สาระสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคสอง ศาลจึงลงโทษจำเลยในฐานะเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ. มาตรา 86 ได้
ป.อ. มาตรา 83, 84
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) , 66 วรรคสอง (เดิม)
จำเลยกับพวก ว่าจ้างให้ ธ. นำเมทแอมเฟตามีนไปส่งที่กรุงเทพฯ เห็นว่า การกระทำของจำเลยกับพวกที่มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองก่อนที่จำเลยกับพวกจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ธ. นั้นเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว โดยที่จำเลยกับพวกยังไม่ต้องส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ธ. จำเลยกับพวกจึงเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง มิใช่เป็นผู้ก่อให้ ธ. กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด
เนื่องจากความผิดฐานเป็นผู้ใช้ จะต้องยังไม่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ แต่เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ข้อแตกต่างดังกล่าวก็มิใช่เป็นข้อสาระสำคัญ เมื่อจำเลยเพียงแต่โต้เถียงว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีน จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง (ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ให้ศาลยกฟ้องคดีนั้น เว้นแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจะลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6196/2554
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225, 227/1
ป.อ. มาตรา 53, 78, 86
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม)
แม้คำเบิกความของ อ. ที่กล่าวถึงการกระทำของจำเลย จะเป็นพยานซัดทอดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227/1 หาได้ห้ามมิให้รับฟังพยานซัดทอดเลยเสียทีเดียวไม่ หากแต่ศาลพึงต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานดังกล่าวโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีหรือมีพยานหลักฐานอื่นประกอบมาสนับสนุน
จำเลยเป็นเพียงคนกลางติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่ อ. โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ในส่วนการกระทำของจำเลยไปแล้ว หลังจากนั้นเมทแอมเฟตามีนย่อมตกเป็นของ อ. เพียงลำพัง โดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของและร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วย จำเลยไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน หากแต่การที่จำเลยติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่ อ. ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ อ. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
คำพิพากษาฎีกาที่ 9929/2553
จำเลยไปหา ช. ที่บ้าน ว่าจ้างให้ขนแมทแอมเฟตามีนจากจังหวัดเชียงใหม่ มาส่งยังจังหวัดพังงา หลังจากนั้นจำเลยขับรถยนต์พา ช. เดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และพักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งจำเลยติดต่อซื้อแมทแอมเฟตามีนได้แล้ว จึงให้ ช. ขนไปจังหวัดพังงา และมอบเงินธนบัตร 500 บาท 3 ฉบับ เป็นค่าโดยสารและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนจำเลยขับรถยนต์กลับไปตามลำพัง
เมื่อ ช. เดินทางมาถึงจุดตรวจของ สภ.สบปราบ จว.ลำปาง เจ้าพนักงานตรวจเรียกให้รถโดยสารที่ ช. นั่งมาหยุดเพื่อตรวจค้น และค้นพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 17 ถุง ในกระเป๋าเดินทางของ ช. และยังพบธนบัตร 500 บาท 2 ฉบับ และกระดาษจดหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของจำเลยกับตั๋วโดยสารอยู่ด้วย อันเป็นการที่จำเลยว่าจ้าง ช. ให้ขนแมทแอมเฟตามีนไปยังที่นัดหมาย
การกระทำของจำเลยเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด จึงเป็นผู้ใช้ในการกระทำความผิด มิใช่ตัวการร่วมกับ ช. แต่ถือได้ว่าจำเลยให้การช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ช. ก่อนหรือขณะกระทำความผิด อันฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด เนื่องจากเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่สาระสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคสอง ศาลจึงลงโทษจำเลยในฐานะเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ. มาตรา 86 ได้