คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3476/2555
ป.วิ.อ. คำซัดทอด (มาตรา 227/1)
โจทก์มี จ. เป็นพยานเบิกความว่า พยานรู้จักจำเลยมาตั้งแต่จำความได้ จำเลยเป็นญาติห่าง ๆ ของพยาน บ้านจำเลยกับบ้านพยานอยู่ใกล้กัน เมื่อปี 2547 พยานถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด แจ้งข้อหาว่าเสพเมทแอมเฟตามีน พยานให้การต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยในราคาเม็ดละ 100 บาท
พันตำรวจโท อ. พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550 จ่าสิบตำรวจ ส. กับพวกจับกุมตัวจำเลยได้ตามหมายจับนำตัวมามอบให้พยานดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ชั้นสอบสวนพยานแจ้งข้อหาดังกล่าว จำเลยให้การปฏิเสธ พยานได้จัดให้ จ. ชี้ตัวจำเลย จ. ชี้ตัวจำเลยยืนยันว่าเป็นคนขายเมทแอมเฟตามีนให้ตนเอง
เห็นว่า หลังจากถูกจับกุม จ. ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนซัดทอดว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยในราคาเม็ดละ 100 บาท โดยบอกถึงวิธีการซื้อขายต้องทำอย่างไร จุดตำแหน่งที่ซื้อขายอยู่ตรงไหนทั้งได้พาพนักงานสอบสวนไปดูจุดตำแหน่งที่ซื้อขาย โดยแสดงท่าประกอบตรงที่โยนเงินและโยนเมทแอมเฟตามีนให้แก่กัน ทั้งยืนยันชี้รูปภาพจำเลย และสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งหากไม่รู้เห็นจริงยากที่จะบอกรายละเอียดและชี้จุดตำแหน่งแสดงท่าทางดังกล่าวได้ จ. ให้การและนำพนักงานสอบสวนไปชี้และแสดงวิธีการซื้อขายดังกล่าวหลังจากถูกจับกุมเพียงวันเดียวโอกาสคิดปั้นแต่งยังมีน้อย และที่สำคัญหลังจากนั้นมาประมาณ 3 ปี เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ จัดให้มีการชี้ตัว จ. ก็ยังยืนยันตัวจำเลยอยู่อีก แสดงถึงความมั่นคงในสิ่งที่ตนเองให้การไว้ก่อนนี้ เมื่อพิจารณาถึงเมทแอมเฟตามีนของกลางที่มีจำนวนเล็กน้อย ประกอบกับ จ. และจำเลยเองก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเป็นญาติและบ้านอยู่ใกล้กัน หากไม่จริงเชื่อว่าคงไม่กล้าให้การใส่ร้ายจำเลยเป็นแน่ เชื่อว่า จ. ให้การต่อพนักงานสอบสวนดังกล่าวตามความจริง แม้ในชั้นพิจารณา จ. จะมาเป็นพยานโจทก์โดยเบิกความต่างไปจากที่ให้การดังกล่าวไว้ก็เพียงเพื่อทำลายน้ำหนักคำซัดทอด ที่ต้องช่วยเหลือจำเลยไม่ให้ต้องรับโทษ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง คำให้การชั้นสอบสวนมีน้ำหนักให้รับฟังได้มากกว่า
แม้คำให้การชั้นสอบสวนเป็นคำซัดทอด แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดเสียทีเดียว เพียงแต่ให้รับฟังด้วยความระมัดระวัง เมื่อพิจารณาแล้วรูปคดีมีพฤติการณ์พิเศษ ทั้งคำซัดทอดดังกล่าวไม่ได้ทำให้ตนเองพ้นผิด จึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟัง นอกจากนี้ยังมีพยานประกอบอื่นที่มิใช่เป็นผลสืบเนื่องมาจากคำซัดทอดสนับสนุนอีก กล่าวคือ มี ป. ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่จำเลยอยู่ในช่วงที่เกิดเหตุ กับดาบตำรวจ ร. เจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่ใจ ท้องที่เกิดเหตุ เบิกความเป็นพยานโจทก์ยืนยันว่า จำเลยมีพฤติการณ์ลักลอบขายเมทแอมเฟตามีนในพื้นที่ โดยเฉพาะดาบตำรวจ ร. ได้ติดตามพฤติกรรมจำเลยและทำรายงานไว้ จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านหรือถามค้านพยานทั้งสองปากนี้ให้เห็นชัดว่าไม่จริงอย่างไร ทั้งที่เบิกความให้ตนเองเสียหาย ไม่ปรากฏว่าพยานโจทก์ทั้งสองมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำให้ร้ายจำเลย เชื่อว่าเบิกความตามจริง
เมื่อเกิดเหตุแล้วมีการออกหมายจับจำเลยวันที่ 23 มิถุนายน 2548 จนถึงวันจับกุมจำเลยได้ตามหมายจับ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2550 จำเลยนำสืบว่าไปทำงานเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพิ่งกลับมาจังหวัดพะเยาเมื่อต้นปี 2549 แสดงว่าเมื่อเกิดเหตุคดีนี้จำเลยไม่ได้อยู่บ้านที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา น่าเชื่อว่าจำเลยหลบหนีหลังจาก จ. ถูกจับกุมเมื่อรับฟังประกอบกับคำให้การของ จ. ชั้นสอบสวนแล้วมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง
(หมายเหตุ :- คดีนี้ผู้บันทึกเป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนด้วยตนเองมาตั้งแต่ต้น)