ทรัพย์สินที่จะถูกริบ
๑. ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด
ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.๒๕๓๔ ได้แก่
๒. ทรัพย์สินของกลาง
ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด
๑. การตรวจสอบทรัพย์สิน ได้แก่
มีขั้นตอนการขอริบ ดังนี้
(๑) ทรัพย์สินของผู้ต้องหา และ
(๒) ทรัพย์สินของผู้อื่น โดย
- คณะกรรมการเป็นผู้สั่งให้ตรวจสอบ
- เลขาธิการ ป.ป.ส. สั่ง ในกรณีมีเหตุความจำเป็นเร่งด่วน
๒. การยึดหรืออายัดทรัพย์สิน คณะกรรมการจะสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เมื่อเจ้าของทรัพย์ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ทรัพย์สินนั้น
- ไม่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด หรือ
- รับมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน หรือ
- ได้มาตามสมควรตามศีลธรรมอันดี หรือทางกุศลสาธารณะ
การยึดหรืออายัดจะสิ้นสุดเมื่อ
- คณะกรรมการวินิจฉัยว่า ไม่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด และมีคำสั่งให้คืน
- พนักงานอัยการ มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี
- ศาลมีคำพิพากษา ถึงที่สุดให้ยกฟ้อง
- ศาลวินิจฉัยว่า ไม่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดและมีคำสั่งให้คืนทรัพย์สินให้แก่จำเลยหรือผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน
๓. การจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัด มีขั้นตอน คือ ประเมินราคา เก็บรักษา ขอผ่อนผันที่จะนำไปใช้ประโยชน์ นำออกขายทอดตลาด หรือใช้ประโยชน์ของทางราชการ ประเมินค่าเสียหายหรือค่าเสื่อมสภาพ และคืนทรัพย์สิน
๔. การพิจารณาในชั้นพนักงานอัยการ ถ้าสั่งฟ้อง จะต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์ไปพร้อมกับคำฟ้อง หรือก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา หรือภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในกรณีที่มีเหตุอันสมควรไม่สามารถยื่นคำร้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเว้นแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง เช่น พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก
๕. การพิจารณาในชั้นศาล หากคดีมีมูล ศาลจะสั่งริบทรัพย์สิน เว้นแต่ เจ้าของจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ศาลจะสั่งคืนทรัพย์สิน
ทรัพย์สินของกลาง
ทรัพย์สินของกลาง ได้แก่ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องจักรกล ทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือทรัพย์สินที่ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด มีขั้นตอน ดังนี้- พนักงานอัยการจะยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ริบของกลาง
- ประกาศหนังสือพิมพ์
- ริบเมื่อพ้น ๓๐ วัน นับแต่ประกาศ
ส่วนทรัพย์สินที่จะตกเข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด คือ
- ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด
- ทรัพย์สินที่เป็นของกลาง
- ทรัพย์สินที่ที่ตกเป็นของกองทุนโดยผลทางกฎหมาย
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๘๖๘/๒๕๕๔
พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓๒
เจ้าพนักงานตํารวจสถานีตํารวจภูธรอําเภอบางปะกง จับผู้คัดค้านที่ ๑ และนาย ณ. ได้ พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน ๑๕๐ เม็ด โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้ติดต่อ รถยนต์ยี่ห้อ บี.เอ็ม.ดับเบิ้ลยู จำนวน ๑ คัน กับเงินสด จำนวน ๓๓,๙๐๐ บาท เป็นของกลาง กล่าวหาว่าร่วมกับผู้คัดค้านที่ ๒ มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
ผู้คัดค้านที่ ๒ ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจําหน่ายเมทแอมเฟตามีน ผู้คัดค้านที่ ๒ เข้ามอบตัวและเจ้าพนักงานตํารวจยึดเงิน จำนวน ๔๔,๗๐๐ บาท และรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน บฉ ๙๗๒๖ ฉะเชิงเทรา ของผู้คัดค้านที่ ๒ ไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องผู้คัดค้านที่ ๒ และไม่ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ไม่ฎีกา
คดีสําหรับผู้คัดค้านที่ ๒ ในคดีนี้ย่อมถึงที่สุด กรณีจึงต้องด้วยมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิด พ.ศ.๒๕๓๔ การยึดหรืออายัดทรัพย์ของผู้คัดค้านที่สอง ย่อมสิ้นสุดลง ศาลไม่มีอํานาจสั่งริบทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ ๒ กรณีไม่จําต้องวินิจฉัยในประเด็นที่ว่า เงิน ๔๔,๗๐๐ บาท เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ รวมทั้งผู้คัดค้านที่ ๒ ได้เงินนี้มาโดยสุจริตหรือไม่ ตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว อีกต่อไป